วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แบ่งปัน




หัวข้อ : แบ่งปัน

สังคมจะ "น่าอยู่" หากมีภาพแบบนี้เกิดขึ้นเยอะๆภาพที่คุณกำลัง "มอง" อยู่นี่แหละ!!!ภาพของ สุนัขที่กำลังให้นมลูกแมว!!!ว่าแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ภาพนี้จะทำให้ใครรู้สึกอยากหันกลับมาถามตัวเองบ้างมั้ยว่า...เราเคยเป็นฝ่าย "ให้" อะไรแก่ใครบ้างหรือเปล่า?หรือดีแต่ "ให้ร้าย" คนอื่นอยู่เรื่อย?เก็บมาฝาก เพราะอยากให้หัวใจของใครต่อใครรู้สึกอบอุ่น
โดยทั้งหมดนี้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านของชายชาวจีนผู้หนึ่งในเมืองเจียงเหมิน ประเทศจีนที่เล่าว่า...เค้าเลี้ยงแมว และหมามาด้วยกันนานนับ 10 ปีสัตว์ต่างสายพันธุ์จึงเข้ากันได้ดี ไม่เคยมีปัญหาแต่ถึงกระนั้น นี่ก็เป็น "ครั้งแรก" ในชีวิตที่เขาได้เห็นภาพสุนัขให้นมลูกแมวซึ่งแม่ของพวกน้องเหมียวเหล่านี้ เพิ่งตายไป เพราะไปเขมือบหนูมีพิษสุนัขแม่ลูกอ่อน ก็เลยสงสารเมื่อได้ยินเสียงร้องเพราะหิวนมของลูกแมว มันก็เลยมีน้ำใจปันน้ำนมของมันให้แก่ลูกแมวเหล่านี้ได้ดูดกัน ต่างนมแม่ อย่างที่เห็นนี่แหละใครที่ไม่มี "น้ำนม" ก็เริ่มที่ปัน "น้ำใจ" น่ะมีมั้ย?มีมั้ย?
คอลัมน์ เกร็ดต่างแดน
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ มติชน
ขอขอบคุณweb : http://www.yenta4.com/webboard/2/1284650.html

ข้อดีของการฟังเพลง สนุกๆ




ฟังเพลงสนุกสนานรื่นเริง ส่งเสริมสุขภาพใจแข็ง แรง นักวิจัยในอเมริกาศึกษาพบว่า การฟังเพลงโปรดมีส่วนช่วยทำให้ระบบหลอดเลือดทำงานดีขึ้น นับเป็นหลักฐานครั้งแรกที่แสดงว่าอารมณ์คนเราถูกปลุกขึ้นมา ได้เมื่อได้ฟังเพลงที่สนุกสนาน และมีผลดีต่อสุขภาพในการทำหน้าที่ของหลอดเลือดอีกด้วย
นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ในบัลติมอร์ ได้ศึกษากับอาสาสมัครชายสุขภาพดี ไม่สูบบุหรี่ 70 เปอร์เซ็นต์ อายุเฉลี่ย 36 ปี พบว่าดนตรีที่อาสาสมัครเลือกฟังแล้วทำให้อารมณ์ดีสนุกสนานนั้น จะทำให้ เนื้อเยื่อในหลอดโลหิตขยายตัว เพื่อให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ผลสนองตอบด้านสุขภาพเช่นนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่นักวิจัยกลุ่มเดียวกันนี้เคยศึกษาไว้เมื่อปี 2548 เกี่ยวกับเรื่องการหัวเราะ การศึกษาครั้งนี้พบว่า เมื่ออาสาสมัครฟังเพลงในแบบที่ตนรู้สึกว่าเคร่งเครียดจะส่งผลต่อหลอดเลือดให้ตีบแคบลง กล่าวคือการไหลเวียนของโลหิตลดลง.




วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เตือนภัยหนุ่มสาวออฟฟิศระวัง CTS ถามหา

โลกเราสมัยนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน ทำให้สภาวะแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวเราเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างดูเร่งรีบมากขึ้น
และเพราะการที่เราต้องทำงานให้ทันต่อเวลานี่เองเลยทำให้บางครั้งเราอาจจะละเลยที่จะใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเราเองไปบ้าง บางคนกว่าจะมารู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
วันนี้เลยหยิบเอาภัยคุกคามหนุ่มสาววัยทำงานมาฝากกันค่ะ ที่ว่าเป็นภัยคุกคามนั้นเพราะโรคที่จะพูดถึงต่อไปนี้ บางคนก็อาจจะรู้จัก แต่มีหลาย ๆ คนเลยทีเดียวที่ไม่ทราบว่ามีโรคชนิดนี้อยู่ด้วย โรคที่ว่านั่นก็คือ เอ็นกล้ามเนื้อต้นคออักเสบ หรือ Carpal Tunnel Syndrome (CTS)
สาเหตุหลักเกิดจากการใช้ข้อมือในการยึดจับสิ่งของ หรือเมาส์คอมพิวเตอร์ในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก หรืออาจเกิดจากการทำงานของเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณผ่านท่อนแขนจากข้อศอกไปยังบริเวณข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาท หรือเส้นเอ็นบริเวณต้นคอเกิดการอักเสบซึ่งมาจากสาเหตุเดียวกัน


ปัจจุบันนี้หนุ่มสาวออฟฟิศนั้นต่างก็ต้องทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และเมาส์เป็นระยะเวลานานเกือบจะตลอดทั้งวัน ซึ่งในตอนนี้นั้นพบว่ามีหลายคนมากเลยทีเดียวที่เริ่มเป็นโรคนี้กันแล้ว นอกจานี้กลุ่มคนที่เสี่ยงยังมีตั้งแต่กลุ่มคนที่ใช้มือมาก ๆ อย่างเช่น คนที่ชอบถักนิตติ้ง หญิงใกล้คลอด ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อปลายประสาท เป็นต้น
อาการที่พบคือ ผู้ป่วยจะมีอาการเสียวและชาที่มือ บางรายอาจจะมีอาการปวดไปทั้งแขน จากนั้นจะเริ่มรู้สึกว่ามือเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ รวมทั้งกล้ามเนื้อตรงช่วงหัวแม่มือก็จะค่อย ๆ ลีบหดลงเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ
สำหรับการรักษานั้น มีทั้งการทานยาและผ่าตัด ซึ่งในรายที่ไม่รุนแรงมากเพียงแค่ทานยาอาการก็จะหายไปได้เอง แต่ในรายที่รุนแรงมาก ๆ จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อรักษาค่ะ
แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเป็นโรคนี้ล่ะก็แนะนำให้หมั่นผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณมือและข้อมือทุก 15 - 20 นาทีค่ะ จะสามารถช่วยได้ แต่วิธีการที่ดีที่สุดก็คือรู้จักแบ่งเวลาทำงาน และเวลาพักผ่อนออกกำลังค่ะ เพราะถ้าคุณเอาแต่ทำงานมากจนเกินไป เจ้าโรคนี้อาจจะถามหาเอาได้ค่ะ

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อันตรายของ printer ที่เป็นแบบเลเซอร์

มีใครทราบบ้างว่าบางครั้ง เจ้าเลเซอร์พรินต์ ที่เราใช้ ๆ กันอยู่ทุก วัน ๆ นั้นก็สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เหมือนกัน วันนี้เราเลยนำเอาเกร็ดความรู้ มีเรื่องนี้มาฝากกัน
ทีมนักวิทยาศาสตร์ในออสเตรเลียพบว่า เครื่อง เลเซอร์พรินเตอร์ ที่ใช้พิมพ์งานในสำนักงานนั้น เป็นอันตรายต่อปอดของคนทำงานได้พอ ๆ กับอนุภาคควันจากการสูบบุหรี่
ผลจากการเฝ้าสังเกตตรวจตราเครื่องเลเซอร์พรินเตอร์หลายรุ่น 1 ใน 3 ของเครื่องนั้นปล่อยระดับหมึกที่เป็นอันตรายออกมาสู่อากาศรอบข้าง ทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ เรียกร้องต่อรัฐบาลให้ออกกฎควบคุมการฟุ้งกระจายของหมึกจากเครื่องพรินเตอร์อย่างจริงจัง และเสนอว่าเครื่องพรินเตอร์ บางชนิดน่าจะมีการติดป้ายเตือนภัยเกี่ยวกับสุขภาพ
นักวิจัยกลุ่มนี้ได้ทำการทดสอบเครื่องพรินเตอร์ต่าง ๆ กว่า 60 เครื่อง พบว่าเกือบ 1/3 นั้นมีการปล่อยอนุภาคหมึกขนาดเล็กจิ๋วออกมา มันมีขนาดเล็กมากจนสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดได้ และเป็นเหตุให้เกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ไปจนถึงการเจ็บป่วยเรื้อรัง
ในการทดสอบกระทำขึ้นภายในสำนักงานแบบเปิดและพบว่า อนุภาคนั้นเพิ่มขึ้น 5 เท่าระหว่างชั่วโมงทำงาน ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการใช้เครื่อง พรินเตอร์ นั่นเอง ปัญหาจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนหมึกพิมพ์ใหม่ และมีการเรียกใช้งานพิมพ์ภาพกราฟฟิกที่มีปริมาณการใช้หมึกพิมพ์สูง
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกไม่ใช้เจ้าเครื่องพรินเตอร์ไปเลยหรอกนะคะ เพียงแต่รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพกันด้วย

ทักทายเปิดเทอม

สวัสดีครับ

ห่างหายไปซะนาน !!
เผลอแปปเดียว ก็เปิดเทอมแล้วครับ
สำหรับ เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าก็ได้ไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพ
ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่
ที่ได้ไปใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ

พอเปิดเทอมมา งานก็มีมาเรื่อยๆ ก็เหนื่อยกันไป
แต่ก็ต้องทำ เพื่ออนาคต

สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อน